10 ร้านอร่อยย่าน Ameyoko

ร้านแรกที่เราจะพาทุกคนไปเดินชิมในย่านอะเมะโยโกะแห่งนี้ก็คือร้านซูขิชื่อดังอย่าง Maguro Hito ที่มีลูกค้าคอยมาต่อคิวชิมซูชิหน้าปลาทะเลสดใหม่กันทุกวัน แม้ว่าร้านนี้จะเป็นร้านอาหารสไตล์ Tachigui ที่ต้องยืนรับประทานอาหารก็ตาม

หลังจากรอคิวมาได้สักพัก ก็ถึงเวลาเดินเข้าไปจับจองที่ยืนเพื่อลิ้มรสซูชิแสนอร่อย โดยทางร้านจะมีเคาท์เตอร์สำหรับยืนรับประทานซูชิ ที่วางซอสโชยุและวาซาบิไว้ให้พร้อม

และเบื้องหน้าของเคาท์เตอร์ก็คือตู้เก็บวัตถุดิบสดใหม่ที่จะใช้ในการทำซูชิ โดยจะมีราคาบอกอย่างชัดเจนว่า ว่าหน้าซูชิแต่ละแบบราคาเท่าไหร่ ดังนั้นถึงอ่านเมนูภาษาญี่ปุ่นไม่ออกเราก็สามารถเลือกหน้าซูชิที่ต้องการจากวัตถุดิบในตู้ได้เลย

ชี้วัตถุดิบที่เราอยากกินปุ๊บ เชฟของทางร้านก็จะเริ่มปั้นซูชิให้เราทันที ส่วนเรื่องราคาของซูชิในร้านนี้ถือว่าไม่แพงนัก เพราะเมนูซูชิที่แพงที่สุดของที่นี่ราคาแค่ 370 เยนเท่านั้น และขอรับประกันในความสดใหม่ กินแล้วอร่อยถูกปากแน่นอน

มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีก็ต้องลองกินอาหารขึ้นชื่อของเขาดูสักหน่อย ซึ่งในย่านอะเมะโยโกะนั้นก็ยังมีอาหารชนิดหนึ่งที่เป็นอาหารขึ้นชื่อจานอร่อยอย่าง ข้าวหน้าปลาไหล ของร้าน Unatoto Unagi นั่นเอง

จานเด็ดของร้านนี้ก็คือ ข้าวหน้าปลาไหล ที่มีให้เลือกชิม 3 แบบคือ UNADON ข้าวหน้าปลาไหลในถ้วยทรงกลม เหมาะสำหรับคนอยากลองชิมแต่อิ่มง่าย ราคา 500 เยน น่าจะพออิ่มสำหรับสาว ๆ หรือ UNAJYU ข้าวหน้าปลาไหลในกล่องสีเหลี่ยมขนาดใหญ่สไตล์ดั้งเดิม ราคา 800 เยน และ BIKKURI JYU อร่อยจุใจอิ่มเต็มมื้อกับข้าวหน้าปลาไหลย่างทั้งตัวในราคา 2,000 เยน

กินแกล้มกับซุปหลากหลายแบบในราคาถ้วยละเพียง 100 เยน รับรองอร่อยทุกเมนูเพราะปลาไหลร้านนี้เขาย่างปลาไหลสุกพอดีพร้อมซอสสูตรพิเศษรสชาติหอมหวาน แถมยังสั่งมาชิมได้ง่าย ๆ เพราะร้านนี้เขามีบริการสั่งผ่าน ipad แบบเมนูภาษาอังกฤษซะด้วย

สำหรับใครที่เคยลองชิมปลาไหลมาแล้ว เราขอแนะนำให้ลองเมนู Umaki ไข่หวานไส้ปลาไหล เมนูต้นตำรับที่ทางร้านอยากให้ลองชิม หนึ่งจานมี 6 ชิ้น ราคา 500 เยน ซื้อมาชิมกันได้ทั้งโต๊ะ จะได้อร่อยเพลินกันทุกเมนูปลาไหล

ซอฟต์ ครีม คือไอศกรีมประเภทหนึ่งที่มีความฮอตฮิตจนมีจำนวนหลายมากมายทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่ซอฟต์ครีมของแต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์ประจำตัวหรือความอร่อยที่แตกต่างกัน อย่างเช่นซอฟต์ครีมที่ผลิตจากผงชาเขียวแท้ๆ ของร้านชาชื่อดัง Cha-no-Kiminoen แห่งนี้นี่เอง

ร้าน Cha-no-Kiminoen คือร้านขายชาเขียวแท้ต้นตำรับญี่ปุ่นที่มีทั้งความหอมหวาน แล้วความเข้มข้นจากชาเขียว ภายในร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทำจากชาเขียว โดยเฉพาะผงชาเขียวสำหรับชงดื่มทั้งแบบซองและแบบกระปุก และน้ำชาเขียวขวดเย็น ๆ พร้อมดื่ม แต่ไฮไลท์ของร้านนี้ที่เราให้ความสนใจก็คือซอฟต์ครีมชาเขียวนั่นเอง

ซอฟต์ครีมของร้านนี้มีให้เลือกกันถึง 3 รสชาติทั้งรสชาติแพลน ๆ อย่างชอฟต์ครีมวนิลาสไตล์ฮอกไกโด รสชาติเขียวมัชฉะเพียว ๆ และรสชาติที่ผสมผสานผสานระหว่างนมฮอกไกโดและชาเขียวมัชฉะแสนอร่อย ทุกแบบราคา 300 เยน

แนะนำว่าถ้าอยากลองชิมทั้งสองรสชาติก็เลือกชิม ซอฟค์ครีมรสชาตินมฮอกไกโดและมัชฉะไปเลย เผื่ออยากกินถ้วยต่อไปจะได้เลือกสั่งได้ถูกว่าชอบอันไหนมากกว่ากันไงล่ะ

ร้าน Motomaru Ramen คือร้านราเมงสุดอร่อยในย่านอะเมะโยโกะที่เราอยากแนะนำให้ผู้ที่ชื่นชอบราเมนซุปกระดูกหมูได้ลองไปรับประทานกัน

โดยร้านนี้เอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่ชาวต่างชาติสุด ๆ เพราะที่หน้าร้านเขามีเมนูภาษาอังกฤษให้เราได้เลือกราเมงแบบที่ถูกใจก่อนเข้าไปสั่งมาชิม แถมวิธีการสั่งก็ง่าย ๆ แค่จำเมนูที่ต้องการสั่งแล้วไปกดสั่งกับตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ จากนั้นก็นำใบเมนูที่ปริ้นออกมาจากเครื่องไปยื่นให้คนพ่อครัวในร้านได้เลย

และจานเด็ดของร้านก็คือเมนูราเมงซุปกระดูกหมูสูตรเข้มข้นที่จัดเต็มมาด้วยเส้นราเมงเหนียวนุ่ม หมูชิ้นโต ไข่ต้มยางมะตูม สาหร่ายและเหล่าผักเคียงเครื่องที่เข้ากันดีสุด ๆ ทำให้ราเมงจานเด็ดจานนี้อร่อยประทับลิ้นไปอีกหลายวัน

และสำหรับใครที่ชอบใจในรสชาติน้ำซุปที่ค่อนข้างเผ็ด ที่นี่ก็ยังมีเมนูราเมงสไปซี่ให้ได้ลองชิม แม้จะไม่ได้รสแซ่บเท่าบ้านเรา แต่ความอร่อยนั้นถือว่ายอดเยี่ยมเพราะความเผ็ดนิด ๆ ของน้ำพริกเผาตัดความเลี่ยนได้ดีทีเดียวเชียว/p>

แม้ว่าย่านอะเมะโยโกะจะอยู่ในเมืองโตเกียว แต่ที่นี่ก็มีร้านอาหารสไตล์นาโกย่าชื่อดังอย่างร้าน Yama-Chan ที่เพรียบพร้อมด้วยอาหารจานเด็ดสูตรนาโกย่าเปิดให้เราได้เข้าไปลิ้มลอง

ภายในร้านมีที่นั่ง 2 แบบ ทั้งที่นั่งแบบเก้าอี้และที่นั่งสไตล์ญี่ปุ่น จะเลือกนั่งกันแบบสไตล์ญี่ปุ่นก็ได้บรรยากาศดีไปอีกแบบ สำหรับเมนูอาหารของร้านนี้นั้นเป็นเมนูอาหารสไตล์นาโกย่าล้วน ๆ เรียกได้ว่าแม้ว่าจะมาเที่ยวโตเกียวก็ยังสามารถลองชิมอาหารแบบนาโกย่าสักมื้อดูได้ที่ร้านนี้

ทั้งเมนูเด่นของเมืองนาโกย่าอย่างไก่ทอดซอสสูตรเฉพาะ ของทอดหรือข้าวหมูทอดทงคัตสึราดมิโสะสีแดง มิโสะตามแบบฉบับของนาโกย่า บอกเลยว่าอร่อยเด็ดทุกเมนู

ใครเลือกสั่งเมนูของทอดอย่างไก่ทอดและข้าวหน้าหมูทอดไปแล้วอยากจะดื่มอะไรตัดเลี่ยนที่นี่ก็มีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอลไว้ให้กินคู่กันแบบฟิน ๆ ให้อร่อยชื่นใจเต็มที่กันไปเลย

ข้าวหน้าปลาดิบเป็นอีกหนึ่งเมนูที่หากินได้ไม่ยากในย่านอะเมะโยโกะ และเมนูข้าวหน้าปลาดิบที่มีปลาสดชิ้นโตนี้ก็ไม่ได้ราคาแพงจนกระเป๋าฉีกอย่างที่ทุกคนคิดเพราะที่ร้าน Minato ya ในย่านนี้เขามีข้าวหน้าปลาดิบหลากหลายเมนูเสิร์ฟให้เรากินในราคาประหยัด

ร้าน Minato ya หน้าตาบ้าน ๆ ที่ จะแขวนป้ายเมนูข้าวหน้าปลาดิบพร้อมราคาเอาไว้อย่างชัดเจนที่หน้าร้าน เมื่อเราเลือกเมนูได้แล้วก็จ่ายเงินที่เคาท์เตอร์จากนั้นก็นั่งรอข้าวหน้าปลาดิบจานเด็ดมาเสิร์ฟกันได้เลย โดยในร้านจะมีน้ำชาบริการให้เราดื่มฟรี พร้อมกับซอสโชยุและวาซาบิเอาไว้ปรุงรสชาติข้าวหน้าปลาดิบของเราอยู่ที่บนโต๊ะ

เมนูข้าวหน้าปลาดิบของร้านนี้มีหลากหลาย ราคาเริ่มต้นที่จานละเพียง 500 เยน และราคาแจะแตกต่างกันตามชนิดของปลา ใครอยากกินข้าวหน้าปลาแซลมอนชิ้นเต็มคำแบบจานนี้ สนนราคาที่ 500 เยนเท่านั้น

ส่วนราคาที่แพงที่สุดของร้านอยู่ที่ 1,100 เยนเท่านั้น! แล้วอย่างข้าวหน้าปลาดิบจานนี้ที่เราจะได้ชิมแทบทุกวัตถุดิบสดใหม่จากทะเลก็ราคาเพียงแค่ 1,000 เยนเองนะ

แวะมาชิมความอร่อยที่แสนสดใหม่กันได้ทุกวันในย่านอะเมะโยโกะแห่งนี้ รับรองว่าได้สัมผัสรสชาติข้าวหน้าปลาดิบแท้ ๆ สไตล์ญี่ปุ่นกันอย่างจุใจในราคาแสนประหยัดแน่นอน

หากกินอาหารจานหลักแล้วยังอิ่มไม่เต็มท้อง เราขอพาทุกคนไปชิมอาหารว่างสุดอร่อย ที่ทำออกมาสด ๆ ร้อน ๆ ให้เราได้ลองชิมอย่าง ทาโกะยากิและไทยากิที่ร้าน Gindaco Cafe ร้านชื่อดังที่ชาวญี่ปุ่นยังรับประกันเรื่องความอร่อย

โดยทางร้านจะมีขายอาหารว่างอยู่ 2 ชนิดคือ ทาโกะยากิและไทยากิ สำหรับใครที่อยากกินอาหารว่างสไตล์คาว ๆ ก็แนะนำให้เลือกทาโกะยากิ แต่ถ้าเป็นสายของหวานก็เลือกเป็นไทยากิ จะซื้อกินพร้อมเครื่องดื่มด้วยทานร้านก็มีเตรียมไว้บริการ

สำหรับทาโกะยากินั้นมีให้เลือกทั้งแต่แบบ 8 ลูก 16 ลูก และ 24 ลูก ใครมากับก๊วนเพื่อนก็เลือกซื้อแบบชุดใหญ่ได้เลยจะได้แบ่งกันครบจำนวน ซึ่งทางร้านยังมีทาโกะยากิหลายแบบให้เราได้เลือกชิมไม่ว่าจะเป็นแบบออริจินอลราดซอสทาโกะยากิเพียว ๆ หรือจะเป็นสเปเชียลเลือกท็อปปิ้งเป็นชีส

แต่ถ้าอยากกินแบบแปลกใหม่หน่อยก็ให้เลือกเป็นทาโกะยากิที่กินคู่กับน้ำซุปร้อน ๆ ส่วนวิธีกินนั้นไม่ยากแค่เราคีบลูกทาโกะยากิไปจุ่มน้ำซุปให้ซึมเข้าไปในลูกทาโกะยากิ จากนั้นก็นำเข้าปากได้เลย แต่ระวังร้อนลวกปากนะจ๊ะ !

และในส่วนของเมนูของหวานอย่างไทยากิ (Croissant-taiyaki) นั้นก็เป็นแบบออริจินอลที่ภายในแป้งอันกรุบกรอบรูปปลาจะมีถั่วแดงหวานแสนอร่อยอัดแน่นอยู่ ถ้าอยากลองชิมว่าอร่อยสักแค่ไหนก็ต้องมาลองชิมกันดูนะจ๊ะ

ถ้ามาเที่ยวย่านอะเมะโยโกะแล้วอยากลองชิมขนมขึ้นชื่อที่ไม่มีขายที่ไหนเลยล่ะก็ เราขอแนะนำให้ไปลองชิม Ameyoko yaki ขนมไส้เยอะแป้งนุ่มชุ่มซอสแสนอร่อยสูตรเฉพาะของย่านนี้ที่ไม่มีใครเหมือนจนถึงขั้นตั้งชื่อของขนมเป็นชื่อเดียวกับชื่อย่านที่ร้านตั้งอยู่เลยทีเดียว

ลักษณะของขนม Ameyoko yaki คล้ายกับขนมครกญี่ปุ่น Oban yaki ที่ภายนอกคล้ายขนมปังทรงกลม มีแป้งหนานุ่ม ภายในสอดไส้อัดแน่นไปด้วยไข่ไก่ ปูอัดและผักหลายชนิด

เมื่อสุกแล้วพ่อค้าจะราดซอสชนิดเดียวกันกับที่ใช้ราดลงบนทาโกะยากิ ตามด้วยมายองเนสส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ ยิ่งได้กินตอนเพิ่งขึ้นจากเตาใหม่ ๆ ยิ่งอร่อยสุด ๆ

แถมยังสามารถอร่อยได้ในราคาประหยัดเพียงชิ้นละ 200 เยน จะกินเป็นของว่างหรือกินรองท้องระหว่างเดินช้อปปิ้งในย่านของถูกอย่างอะเมะโยโกะไปเพลินก็เป็นความคิดที่ไม่เลว

โซบะถือเป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่ต้องลองมาชิมกันที่ญี่ปุ่น เนื่องจากโซบะนั้นเป็นอาหารที่มีขั้นตอนพิถีพิถันในการทำมาก ตั้งแต่การทำเส้น น้ำซุปและเครื่องเคียงต่าง ๆ ดังนั้นหากอยากชิมรสชาติแบบต้นตำรับก็ต้องมาลองกินที่ญี่ปุ่นดู

Ueno Yabu Soba เป็นร้านโซบะที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยซึ่งตั้งอยู่ในย่านอะเมะโยโกะ โดยเส้นโซบะของร้านนี้จะทำมาจากแป้งบักวีต (buckwheat) อันเป็นเมล็ดพันธุ์ที่นิยมใช้ในการทำเส้นโซบะนั่นเอง

ซึ่งเมนูโซบะของทางร้านก็จะมีให้เลือกกินทั้งแบบร้อนและเย็นหลากหลายเมนู อย่างจานที่เห็นอยู่นี้ก็คือเมนูโซบะแบบเย็นนั่นเอง สำหรับเมนูอ่าน ๆ ก็มีทั้งโซบะแบบร้อนพร้อมหอยนางรมตัวใหญ่ หรือเทมปุระ สายเฮลตี้ก็มีให้เลือกแบบกินคู่กับไข่หวาน เจ้าหู้และเห็ดหอมด้วย

หรือจะเป็นโซบะชามใหญ๋ในน้ำซุปไข่แบบนี้ก็น่ากินไม่ใช่น้อย

และด้วยความที่เป็นร้านอร่อยดังนั้นช่วงเวลายอดฮิตอย่างเวลาอาหารเที่ยงหรืออาหารเย็นก็อาจจะมีลูกค้าเยอะสักหน่อย ถ้าไม่รีบร้อนมากก็แวะมาลองชิมโซบะสูตรเด็ดของที่นี่กันได้

ปิดท้ายด้วยการให้ทุกคนได้ไปอร่อยเต็มอิ่มกับร้านซูชิสายพานแห่งย่านอะเมะโยโกะกันเป็นร้านสุดท้าย สามารถสังเกตหาร้านนี้ง่าย ๆ ด้วยการมองหาป้ายสีน้ำเงินขนาดใหญ่โดดเด่นอยู่ที่หน้าร้าน

หลายคนอาจยังสงสัยว่าซูชิสายพานเป็นยังไง ก็จะขอชี้แจงแถลงไขให้ทราบกันว่า ซูชิสายพานคือร้านซูชิยอดฮิตประเภทหนึ่งของญี่ปุ่น ที่เราสามารถสั่งเมนูซูชิให้เชฟทำให้เราได้ชิมกันแบบสดใหม่ โดยเมื่อเชฟปั้นซูชิให้เราเสร็จแล้วเขาก็จะวางจานเมนูซูชิที่เราสั่งลงบนสายผ่าน

เมื่อซูชิจานนั้นมาถึงที่นั่งของเราก็สามารถหยิบมารับประทานได้เลย ร้านซูชิแบบนี้นั้นหาได้ง่าย สามารถเข้าไปกินได้ค่อนข้างสะดวกสบายและง่ายต่อการใช้บริการของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

สำหรับเมนูซูชิของร้านนี้นั้นก็มีหลายราคาด้วยกันเริ่มต้นตั้งแต่จานละ 105-660 เยน โดยจะคิดราคาแตกต่างกันตามสีของจาน และจะมีราคาของจานแต่ละสีบอกชัดเจน เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่อยากกินแพงเวลาสั่งก็มากินก็ต้องดูสีของจานกันดี ๆ นะจ๊ะ

แต่เอกลักษณ์อันเป็นจุดเด่นที่ทำให้ร้านซูชิสายพานแห่งนี้โดดเด่นและโด่งดังกว่าที่อื่นก็คือ ปริมาณของหน้าซูชิที่เยอะจนแทบมองไม่เห็นข้าวสีขาวเบื้องล่าง เรียกได้ว่าเป็นซูชิคำใหญ่ที่มีเครื่องแน่นเต็มคำ

หน้าของซูชิก็มีหลากหลายทั้งเมนูยอดฮิตอย่างแซลมอนหรือเมนูหน้าแต่แปลกแต่น่าอร่อยและลองชิมดูสักครั้งอีกหลายเมนู มาอร่อยเต็มอิ่ม ฟินเต็มคำกันได้ที่ Miuramisaki kou ร้านซูชิสายพานเครื่องเน้นที่ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเราเสมอ มาแล้วรับรองประทับใจกับรสชาติซูชิของแท้สไตล์ญี่ปุ่นไปอีกนาน